top of page

นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้สมัครงานและพนักงาน

placeholder.png

บริษัท โรงพยาบาลศุภมิตร จำกัด (มหาชน) ยึดมั่นการดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณ เคารพและปฏิบัติตามกฎหมายที่บังคับใช้ มุ่งเน้นและตระหนักเป็นอย่างยิ่งถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงให้ความสำคัญด้านการเคารพสิทธิของผู้สมัครงานและบุคลากรเป็นหลักการสำคัญ  ดังนั้น  บริษัทจึงได้จัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น  เพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงกระบวนการสรรหา รวมถึงกระบวนการระหว่างการจ้างงาน  และการขอความยินยอมก่อนเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว  โดยมีรายละเอียดดังนี้


1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม

บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยเมื่อท่านสมัครงานกับบริษัท ผ่านทางเว็บไซต์หรือการกรอกใบสมัคร ณ ที่ทำการของบริษัท บริษัทขอทราบและเก็บรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นต่อการสมัครงานดังต่อไปนี้

      1.1 ตำแหน่งสมัครงาน เงินเดือนที่ต้องการ

      1.2 ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล เพศ อายุ วันเดือนปีเกิด สัญชาติ เลขประจำตัวประชาชนหรือเลขหนังสือเดินทาง สถานภาพการสมรส เลขที่ใบขับขี่ สถานภาพการเกณฑ์ทหาร ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน ประวัติการเรียนรู้ ใบอนุญาตต่าง ๆ เลขที่บัญชีธนาคาร รูปถ่ายผู้สมัคร

     1.3 ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ที่อยู่ปัจจุบัน หมายเลขโทรศัพท์ของท่าน อีเมล ไอดีไลน์ รวมถึงข้อมูลในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ

     1.4 รายละเอียดครอบครัว อาทิ ข้อมูลบิดา มารดา พี่น้อง รวมไปถึงข้อมูลบุคคลที่สาม เช่น ข้อมูลผู้รับผลประโยชน์จากสวัสดิการต่าง ๆ ข้อมูลผู้ติดต่อฉุกเฉิน และบุคคลที่ท่านอ้างอิง

      หากท่านให้รายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อ 1.4 เพื่อการอ้างอิงหรือระบุถึงบุคคลที่สามท่านใดก็ตาม ท่านมีหน้าที่ต้องขอรับความยินยอมจากบุคคลดังกล่าว ก่อนที่จะมอบข้อมูลส่วนบุคคลนั้นให้บริษัท การมอบข้อมูลส่วนบุคคลนั้นให้บริษัท  หมายถึง ท่านยืนยันว่าตนเองได้รับความยินยอมจากบุคคลเหล่านั้นมาแล้ว

     1.5 ประวัติการศึกษา ความสามารถพิเศษ และประสบการณ์การทำงานของท่าน

     1.6 เอกสารประกอบการสมัคร อาทิ CV ประวัติการทำงาน จดหมายแนะนำตัว

     1.7 ข้อมูลอื่น ๆ เช่น การใช้งานเว็บไซต์ ความคิดเห็น ความชื่นชอบ งานอดิเรก ผลการสอบข้อเขียน เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่บริษัทจัดขึ้น และข้อมูลอื่นใดที่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย

    1.8 การเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งอื่น

    เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบประวัติที่เกี่ยวข้องกับการสมัครงานของท่าน บริษัทจะขอข้อมูลเกี่ยวกับท่านจากแหล่งข้อมูลอื่น โดยต้องเป็นไปตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับอนุญาต และ/หรือได้รับความยินยอมจากท่านเสียก่อนแหล่งข้อมูลอื่น ๆ เหล่านั้น ตัวอย่างเช่น  บุคคลอ้างอิงของท่าน นายจ้างเดิม สถาบันการศึกษาที่ท่านเคยศึกษา หนังสือรับรอง ใบอนุญาต และสถานการณ์ถูกตัดสิทธิ เป็นต้น    

   การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนี้  อาจรวมถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว อาทิเช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์     ความคิดเห็นทางการเมือง ศาสนา ปรัชญา ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ลายพิมพ์นิ้วมือ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ฯลฯ เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการดำเนินการตามสัญญา หรือข้อตกลงอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการดังกล่าว ซึ่งการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนนี้จะต้องได้รับความยินยอมจากท่านก่อนแล้ว

 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้แก่บริษัทเพื่อการสมัครงาน หรือที่ท่านได้แจ้งให้แก่ ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของบริษัทได้รับทราบนั้น จะต้องเป็นความจริง ครบถ้วนสมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด การให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน หรือก่อให้เกิดความเข้าใจผิดนั้นอาจส่งผลให้ใบสมัครงานของท่านถูกปฏิเสธในระหว่างขั้นตอนการรับสมัคร หรือหากตรวจพบในภายหลังที่บริษัทได้มีการจ้างงานแล้ว ท่านอาจมีโทษทางวินัย ซึ่งรวมถึงท่านยินยอมให้บริษัทมีสิทธิพิจารณาเลิกจ้างท่านได้ทันทีโดยไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยการเลิกจ้างแต่อย่างใด และท่านยังต้องรับผิดชอบหากข้อมูลที่ท่านให้แก่บริษัทนั้นไปละเมิดสิทธิของบุคคลภายนอก

                ท่านสามารถเลือกว่าจะให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทหรือไม่ก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าหากท่านให้ข้อมูลที่ไม่เพียงพอ บริษัทอาจจะไม่สามารถพิจารณาจ้างงานท่านได้


2. วัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นเพื่อการสรรหา การจัดการ การตรวจสอบและการวางแผนงานด้านบุคลากรของบริษัท ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

 2.1 การปฏิบัติตามสัญญา (Contractual Basis) เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญาไม่ว่าจะเป็น สัญญาจ้างหรือสัญญาอื่นใด เพื่อใช้ในการตรวจสอบประวัติ คุณสมบัติ และประมวลผลใบสมัครหรือการดำเนินการตามคำขอ/ใบสมัครของท่านก่อนเข้าทำสัญญา รวมถึง เพื่อใช้ในกระบวนการระหว่างการจ้างงานหรือเป็นพนักงานของบริษัท เช่น การประเมินผลการทำงานหรือความพึงพอใจของลูกค้าหรือผู้มารับบริการ การบันทึกเวลาในการเข้า-ออกการทำงานด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นต้น

 2.2 การปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายต่าง ๆ ที่กำหนดหน้าที่ของบริษัทในฐานะของนายจ้าง เช่น กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายประกันสังคม กฎหมายเงินทดแทน กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กฎหมายภาษีอากร ฯลฯ รวมถึง กฎหมายอื่น ๆ ที่จำเป็น ประกาศ หรือระเบียบที่ออกตามกฎหมาย             

2.3 ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ตามที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้ เช่น

 (1) การบันทึกเสียง การบันทึกภาพนิ่ง การบันทึกภาพเคลื่อนไหว CCTV เพื่อปกป้องสิทธิและคุ้มครองความปลอดภัยของบุคคลและทรัพย์สินต่าง ๆ ของบริษัท

 (2) การสำรวจความคิดเห็น ความพึงพอใจ การเข้าร่วมกิจกรรมภายในองค์กร การประกาศผล การรับ-ส่งพัสดุ การวิเคราะห์ วิจัย ทำสถิติ

 (3) การกำกับตรวจสอบ การจัดการข้อร้องเรียน การแจ้งเตือน การบริหารจัดการภายในองค์กร การป้องกัน รับมือ หรือลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการกระทำการทุจริต

 (4) ป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ การทำผิดกฎหมายต่าง ๆ การตรวจสอบข้อมูลการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานหรือตรวจสอบพฤติกรรมการปฏิบัติงาน หรือการดำเนินการตามกฎหมายของหน่วยงานต่าง ๆ และ การดำเนินคดีในชั้นศาล

 2.4 บริษัทอาศัยความยินยอมจากท่าน ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

- ข้อมูลชีวภาพ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ ภาพสแกนใบหน้า เพื่อลงเวลาเข้า-ออกการทำงานแทนการใช้บัตรประจำตัวพนักงาน และ/หรือเพื่อการเข้า-ออกไปยังบางห้องหรือบางแผนกภายในอาคารที่ต้องมีระบบการรักษาความปลอดภัย หรือเพื่อการเชื่อมต่อกับระบบงานต่าง ๆ ของบริษัท

- ประวัติอาชญากรรมและข้อมูลสุขภาพ เพื่อการพิจารณาใบสมัครงานและการตัดสินใจจ้างงาน การคัดกรองประวัติและการติดตามตรวจสอบ

- ข้อมูลทางศาสนา เพื่อการให้บริการในด้านต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับท่าน หรือเพื่อการยืนยันและพิสูจน์ตัวบุคคล

- เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่กฎหมายกำหนดให้ต้องได้รับความยินยอมจากท่านก่อนเท่านั้น

3. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านบริษัท อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลหรือนิติบุคคลอื่นใด ๆ เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ หรือภายใต้ความยินยอมของท่าน เช่น ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทในเครือ  หน่วยงานหรือบริษัทที่รับจ้างช่วงงานต่อ สถาบันการเงิน ผู้สอบบัญชี  ผู้ตรวจสอบภายนอก หน่วยงานหรือผู้มีอำนาจตามกฎหมาย ผู้เข้ารับโอนสิทธิ การควบรวมกิจการต่าง ๆ ของบริษัท นิติบุคคลหรือบุคคลใด ๆ ที่มีความสัมพันธ์หรือมีสัญญาอยู่กับบริษัท ซึ่งรวมตลอดถึง ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษาของบริษัท ของนิติบุคคลหรือบุคคลใด ๆที่เป็นผู้รับข้อมูลดังกล่าว เป็นต้น


4. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็นในระหว่างที่ท่านเป็นผู้สมัครหรือพนักงานของบริษัท หรือตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามสัญญาจ้างหรือที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้   ซึ่งอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากท่านพ้นสภาพการเป็นพนักงานแล้ว เพื่อการดำเนินการตามกฎหมายหรือเพื่อโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ดังนี้

4.1 ผู้สมัครงาน ที่ไม่ได้รับการคัดเลือก บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลของท่านเป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อเป็นหลักฐานว่าบริษัทได้พิจารณาคัดเลือกท่านอย่างยุติธรรม และเพื่อพิจารณารับท่านเข้าทำงานในตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับท่านในอนาคต​​​

4.2 พนักงาน จัดเก็บไว้ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบ กรณีที่อาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนดเป็นระยะเวลา 10 ปี                                                             

ทั้งนี้ บริษัทจะลบ/ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้ เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว


5. การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท

 บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measure) เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัทได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น มาตรฐานความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้รับข้อมูลไปจากบริษัทใช้หรือเปิดเผยข้อมูลนอกวัตถุประสงค์ หรือโดยไม่มีอำนาจหรือโดยไม่ชอบ และบริษัทได้มีการปรับปรุงนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นระยะๆ ตามความจำเป็นและเหมาะสม

   นอกจากนี้ บริษัท ยังได้กำหนดให้พนักงาน บุคลากร ตัวแทน และผู้รับข้อมูลจากบริษัทมีหน้าที่รักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นความลับและมีความปลอดภัยตามมาตรการที่บริษัทกำหนด เมื่อต้องมีการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน


6. สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านอาจติดต่อกับบริษัท ตามช่องทางการติดต่อของบริษัท เพื่อยื่นคำร้องขอใช้สิทธิของท่าน ดังต่อไปนี้​

6.1 สิทธิขอถอนความยินยอม หากท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลท่าน ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมได้ ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านอาจส่งผลกระทบต่อท่าน เพื่อประโยชน์ของท่าน จึงควรศึกษา/สอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม

6.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึง ขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้

6.3 สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุอื่นใด

6.4 สิทธิขอคัดค้าน ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ที่ทำขึ้นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลอื่น หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจอื่นใด ทั้งนี้ หากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทจะอาจยังดำเนินการใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่จำเป็น เฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ แล้วแต่กรณี

6.5 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในนโยบายฉบับนี้หรือการปฏิบัติตามกฎหมาย

6.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

6.7 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

6.8 สิทธิร้องเรียน ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น โดยหากบริษัทปฏิเสธคำขอข้างต้น บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบด้วย

    ทั้งนี้  คำร้องในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลหรือการเรียกร้องสิทธิใด ๆ อันเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมแนบสำเนาหลักฐานเพื่อแสดงตัวตน เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนา Passport และข้อมูลการติดต่อกลับ  มายังที่อยู่ตามช่องทางการติดต่อของบริษัทด้านล่างนี้

   บริษัท จะทำการพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาให้ท่านทราบภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องดังกล่าว


7. ช่องทางการติดต่อของบริษัท

หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัท และ/หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายงานทรัพยากรมนุษย์ (เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) ผ่านช่องทางดังนี้

- เจ้าหน้าที่ฝ่ายงานทรัพยากรมนุษย์ (เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล)
สถานที่ติดต่อ: บริษัท โรงพยาบาลศุภมิตร จำกัด (มหาชน) เลขที่ 76 ถนนเณรแก้ว ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี 72000 Tel. 035-523777

E-mail : hrrecruit@supamitrhospitai.com


8. การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท อาจทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้เป็นครั้งคราว โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้  เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการปฏิบัติและการดำเนินงานต่าง ๆ ของบริษัท   รวมถึง  กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล  บริษัท จะแจ้งให้ท่านทราบด้วยการ Update ข้อมูลลงใน website ของโรงพยาบาล www.supamitrhospital.com โดยเร็วที่สุด

               นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565

bottom of page